อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา
หนังสือฮีลใจปนเหงาๆ เพราะอารมณ์และจิตใจเปลี่ยนได้ทุกช่วงเวลาในชีวิต
น้ำหนักของคำว่า “เหงา” แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงวัย
วัยรุ่นอาจเหงาจากการที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่วุ่นวาย
แต่เมื่อโตขึ้นชีวิตกลับวุ่นวายจนไม่ได้ให้เวลากับความสัมพันธ์ เป็นความเหงาที่ปนกับความเหนื่อยล้า
การเอาตัวเองให้รอดและเลี้ยงดูคนสำคัญเริ่มมีนํ้าหนักมากกว่าการเสียเวลาให้กับความสัมพันธ์ การอยู่คนเดียวก็รู้สึกคล่องตัวดี แฮปปี้ดี และโฟกัสงานได้แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งอดีตที่เราเคยมีเวลาดีๆ ก็จะหวนกลับมา
เหมือนร่างกายปรับจูนให้จิตใจเกิดความสมดุลกลับมาดีใจอีกครั้ง เสียใจอีกครั้ง ยิ้มและเศร้าไปกับมัน เกิดเป็นความที่อยากแบ่งปันเสี้ยวหนึ่งในใจของเราและเปิดรับความรู้สึกกับใครสักคน เติมเต็มกันและกัน
อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา
บันทึกช่วงเวลาของการ “อยู่ตัวคนเดียว” ที่สมบูรณ์ดี กับการ “อยู่ด้วยกัน” กับใครสักคนอันแสนสนุกสนาน
บันทึกเล่มนี้จะทำให้เราได้อ่านอารมณ์และจิตใจในเวลาอ่อนไหวที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา คิดถึงบางสิ่งมากขึ้น ใส่ใจบางสิ่งน้อยลง แต่รวม ๆ แล้วแต่ละวันเราก็เติบโตตามทางที่ควรจะเป็น
เรื่องย่อ
"อยากอยู่คนเดียว แต่ก็เกลียดความเหงา" ไม่เพียงเป็นหนังสือที่นำเสนอความรู้สึกที่ขัดแย้งกันของการ 'อยากอยู่คนเดียว' และ 'ความเหงา' แต่ยังเป็นการสำรวจที่ลึกล้ำเกี่ยวกับความหมายและผลกระทบของความเหงาในชีวิตมนุษย์
หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นหลายบทที่แต่ละบทเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันผ่านความเหงาและการค้นหาความสงบ ผ่านการเล่าเรื่องที่มีความเข้มข้นและภาพวาดที่สื่อความหมายอย่างเข้าใจง่าย
หนังสือเล่มนี้เปิดประตูสู่โลกแห่งความรู้สึกที่มักจะถูกซ่อนเร้น มันเชิญชวนให้ผู้อ่านไตร่ตรองถึงความเหงาในฐานะส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือต้องหลีกเลี่ยงเสมอไป แต่สามารถเป็นโอกาสในการสำรวจตัวเองและความสัมพันธ์กับโลกภายนอก
ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอความเหงาในมุมมองที่แตกต่างไปจากทั่วไป แต่ยังมอบมุมมองที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับวิธีการเผชิญและยอมรับความเหงา เป็นหนังสือที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจและให้กำลังใจ โดยช่วยให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญของการใช้เวลากับตัวเองและเรียนรู้ที่จะเข้าใจความรู้สึกที่อาจดูขัดแย้งกันในบางครั้ง
จุดเด่นของหนังสือ
• หนังสือเล่มนี้สำรวจความเหงาและความต้องการที่จะอยู่คนเดียวในระดับที่ลึกซึ้ง นำเสนอผ่านภาพวาดที่สวยงามและคำบรรยายที่มีทรงพลัง
• ภาพวาดของ ว็อนเยจิ เติมเต็มความรู้สึกและอารมณ์ที่ตัวอักษรอาจจะบรรยายไม่ได้
• หนังสือเล่มนี้สื่อกับสารกับผู้อ่านอย่างลึกล้ำ ทำให้ผู้ที่สัมผัสเรื่องราวของเล่มนี้สามารถเห็นตัวเองอยู่ในแต่ละหน้า
แนะนำโดยนักอ่าน อ่านรีวิวฉบับเต็ม
น้ำหนักของคำว่าเหงาของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงวัย วัยรุ่นอาจจะเหงาจากการที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่วุ่นวาย แต่เมื่อโตขึ้นชีวิตกลับวุ่นวายจนไม่ได้ให้เวลากับความสัมพันธ์ เป็นความเหงาที่ปนกับความเหนื่อยล้า การเอาตัวเองให้รอดและเลี้ยงดูคนสำคัญ เริ่มมีน้ำหนักมากกว่าการเสียเวลาให้กับความสัมพันธ์ การอยู่คนเดียวก็รู้สึกคล่องตัวดี แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งอดีตที่เราเคยมีช่วงเวลาดีๆ ก็หวนกลับมา เกิดเป็นความที่อยากแบ่งปันเสี้ยวหนึ่งในใจของเรา และเปิดรับความรู้สึกกับใครสักคน มาเติมเต็มกันและกัน
เกี่ยวกับผู้เขียน
Jang Ma Eum (จางมาอึม) จางมาอึเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงความลึกลับและความละเอียดอ่อนของอารมณ์มนุษย์ ด้วยการเขียนที่ได้รับการยกย่องว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกและความจริงใจ
จางมาอึมมีความสามารถพิเศษในการถ่ายทอดเรื่องราวที่ทั้งเข้มข้นและสัมผัสได้ถึงอารมณ์ ผลงานของเขามักจะดำเนินเรื่องในแนวทางที่ทั้งโปร่งใสและเชิงพฤติกรรม ทำให้ผู้อ่านสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องราวและตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง
นอกจากการเป็นนักเขียน จางมาอึมยังเป็นนักคิดและนักเล่าเรื่องที่มีความสามารถในการสำรวจและถ่ายทอดเรื่องราวของมนุษย์ในแง่มุมที่หลากหลาย เขามีความชำนาญในการใช้ภาษาและภาพประกอบเพื่อสร้างบรรยากาศและอารมณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในผลงานของเขา ทำให้ผลงานของเขาไม่เพียงแต่เป็นการอ่าน แต่ยังเป็นการสัมผัสและการสำรวจอารมณ์
จางมาอึมได้รับการยอมรับในวงการวรรณกรรมด้วยผลงานของเขาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความสามารถในการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์ ผลงานของเขาไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับผู้อ่าน แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้อ่านสำรวจและเข้าใจความซับซ้อนของอารมณ์มนุษย์ในระดับที่ลึกกว่า