ถ้าจะอยู่ถึง 100 ปีก็น่าจะมีความสุขด้วย
เรื่องราวปรัชญาชีวิตของนักวิชาการสูงอายุวัย 85 ปีที่ใช้เวลาทั้งชีวิตในการรักษาผู้ป่วย พร้อมกับถ่ายทอดความรู้แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัย เขาเคยคิดว่าคนเราจะประสบความสำเร็จได้ หากมีความมุ่งมั่นตั้งใจและความพยายาม แต่เขาก็เพิ่งมาเข้าใจในภายหลังว่าชีวิตเรามักเจอกับเรื่องบังเอิญมากกว่าเรื่องตายตัว โลกใบนี้เต็มไปด้วยความอยุติธรรมและไร้สาระมากกว่าที่คิด ทว่าเขาก็ยังนำความสุขเล็ก ๆ มาช่วยเยียวยาความเศร้าต่าง ๆ เพราะความสุขเล็ก ๆ และความสนุกที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดระหว่างใช้ชีวิตในแต่ละวันจะช่วยบรรเทาการปลงอนิจจังและความเศร้าที่สะสมมาตลอดหลายปีได้ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าทุกคนต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจวบจนวาระสุดท้ายโดยไม่สูญเสียรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
จุดเด่น
1. แนะนำข้อคิดการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจวบจนวาระสุดท้าย
2. ยกตัวอย่างหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา คำคมคนดัง ชีวิตส่วนตัวของผู้เขียน และเรื่องคนใกล้ตัวมาไว้ในเล่มมากมาย
3. ผู้เขียนมีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจ เคยผ่านสงคราม การประท้วงขั้นรุนแรง และติดคุก แต่เขากลับนำความสุขเล็ก ๆ รอบตัวมาเป็นแรงฮึดสู้แล้วพาตัวเองก้าวเข้าสู่วัย 85 ปีอย่างมีความสุข
รู้จักผู้เขียน Lee Geunhu
อีกึนฮู เกิด ค.ศ. 1935 ที่เมืองแทกู เรียนชั้นประถมศึกษาช่วงที่เกาหลีใต้ตกเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น เรียนชั้นมัธยมต้นในช่วงสงครามเกาหลี และสูญเสียคุณพ่อในช่วงเรียนชั้นมัธยมปลาย เขาเคยร่วมการปฏิวัติของนักศึกษาเกาหลีใต้และรัฐประหารจนถูกจำคุก หลังพ้นโทษเขากลายเป็นศาสตราจารย์และจิตแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้บุกเบิกการเปลี่ยนรูปแบบอาคารผู้ป่วยในให้เป็นระบบเปิด ริเริ่มการนำละครจิตบำบัดมารักษาผู้ป่วยจิตเวช ทั้งยังเป็นผู้ขับเคลื่อนคนสำคัญในวงการจิตแพทย์ของเกาหลีใต้ และดำรงตำแหน่งประธานสมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศเกาหลีใต้
หลังเกษียณอายุ อีกึนฮูจัดตั้งแฟมิลีอะแคเดเมียขึ้น เพื่อให้คำปรึกษาแก่วัยรุ่น ผู้ปกครอง และเตรียมความพร้อมก่อนถึงวัยเกษียณแก่ผู้สูงอายุ เขาเคยเป็นแพทย์อาสาสมัครที่ประเทศเนปาลมานานกว่า 30 ปี และดูแลเด็ก ๆ มานานกว่า 40 ปีในฐานะผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าควังมย็อง ทั้งยังเป็นแกนนำในการก่อตั้ง “ชมรมการอ่านบทกวีเยติ” เพื่อศึกษาวรรณกรรมอีกด้วย